บอด Ensaio sobre a Cegueira

หนังสือ บอด Ensaio sobre a Cegueira
บอด Ensaio sobre a Cegueira

บอดเป็นนิยายภาษาโปรตุเกสถูกพิมพ์ครั้งแรกในปี 1995 เล่าถึงโรคติดต่อที่เรียกว่าปีศาจขาว เมื่อชายคนหนึ่งที่มีดวงตาปกติไม่แม้แต่จะสายตาสั้น ไม่เคยเป็นอะไรเกี่ยวกับดวงตา อยู่ดีๆ ก็ตาบอดกระทันหันระหว่างขับรถ ตาบอดนั้นสีขาวเหมือนทั้งโลกตกอยู่ในกระแสน้ำนม (เป็นคำเปรียบเปรยที่ในเรื่องใช้บ่อยมาก) จากคนนึงไปอีกคนนึง คนตาบอดมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้ว่าระบาดแบบไหน ป้องกันไม่ได้เลย กว่ารัฐจะตื่นตัวก็มีคนติดโรคประมาณนึง พวกเขากักตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาลโรคจิตร้าง หวังว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ มีเสียงประกาศออกลำโพงทุกวันถึงกฎ 10 ข้อที่ผู้ป่วยต้องปฏิบัติ ซึ่งในกฎมันแสนโหดร้ายไม่มีมนุษยธรรมเลยสำหรับเรา บางกฎตั้งขึ้นมาเหมือนรู้ว่าจะเกิดเหตุบางอย่างขึ้น เช่นว่าหากมีคนตายก็ต้องฝังศพกันเอง ถ้ามีไฟไหม้จะไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก ก็หมายความว่าจะปล่อยให้ไฟไหม้จนตายไม่เรียกรถดับเพลิงสินะ

ภายในโรงพยาบาลนั้นแรกเริ่มยังดูดำเนินไปอย่างปกติ มีการแบ่งผู้ที่ตาบอดแล้ว และกักตัวผู้ติดเชื้อออกจากกัน มีอาหารมาตรงเวลา แต่เพียงเวลาไม่นานทุกอย่างก็เริ่มล่มสลายทีละน้อย คนตาบอดมากขึ้นเรื่อยๆ อาหารไม่เพียงพอ ความสกปรกที่ไม่อาจบรรยาย เมื่อมีห้องน้ำไม่เพียงพอ น้ำที่ไหลออกมาก็สกปรก และสำหรับคนตาบอดขับถ่ายที่ไหนก็เหมือนกันในเมื่อไม่มีคนมองเห็น ทุกพื้นที่จึงเต็มไปด้วยความเหนียวของอุจจาระ ปัสสาวะ ขยะ

เราจะได้เห็นโลกของคนตาบอดผ่านตัวละครภรรยาคุณหมอ ซึ่งเป็นคนเดียวที่ตาไม่บอด ไม่มีเหตุผลอะไรก็แค่เป็นคนเดียวที่มองเห็น เรื่องราวโหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคนมากขึ้นมีคนตั้งตัวเป็นอันธพาล เป็นจุดที่เรารู้สึกว่าที่สุดของความพีคถ้าความรู้สึกของเราเป็นกราฟ ความหดหู่ก็ลงดิ่งสุดในฉากนั้น การกระทำของเพศผู้ความหื่นกระหายไม่ต่างจากสัตว์กระทำกับผู้หญิงเหมือนไม่ใช่คน อ่านมาถึงตรงนี้รู้สึกเครียดและเหนื่อยมาก แต่ก็อยากรู้ตอนจบก็อ่านต่อไปหวังว่าจะมีอะไรดีขึ้น

ทุกคนคิดว่าถ้าทั้งประเทศตาบอดจะเกิดอะไรขึ้นในเมือง ระบบไฟฟ้าประปาต่างๆ ที่ต้องการดวงตาเพื่อสั่งการให้มันทำงาน ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะล่มสลายไปพร้อมกัน แต่ก็สร้างวิถีดำเนินชีวิตแบบใหม่ของคนตาบอด มันมีฉากในเมืองที่เราชอบ ตรงที่ทุกคนรู้ว่าต้องกินและพยายามหาวิธีไปหามัน ไม่ต้องหวังพึ่งรัฐบาลที่เอาแต่ประกาศออกสื่อว่าทุกอย่างควบคุมได้ ไม่มีอะไรร้ายแรง เสียใจที่เกิดเหตุการณ์โน้นนี้ แต่จริงๆ แล้วทำอะไรไม่ได้เลย เมื่อเกิดเหตุคนขับรถเมล์อยู่ดีๆ ก็ตาบอดกระทันหันเกิดอุบัติเหตุมีคนตาย บริษัทที่รับผิดชอบก็จะออกมาพูดแค่ว่าเรามีระบบเซฟตี้อย่างดี (อ๋อ เหรอ) เหมือนทุกคนตาบอดแล้วสมองก็บอดไปด้วย แก้ไขอะไรไม่ได้สักอย่าง ในใจคิดว่าจบไม่สวยแน่ อ่านจบแล้วมันต้องหน่วง พอจบจริงๆ ก็ไม่ขนาดนั้นนี่นา แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

ตอนที่เปิดหน้าแรกมาอ่านก็รู้เลยว่าเหนื่อย ตัวหนังสือติดกันเป็นพืดยาวมากต่อย่อหน้า เขียนแบบเรียงความไม่มีบทพูด กว่าจะรู้ว่าใครทำอะไรพูดอะไรก็อ่านผ่านไปหลายประโยคแล้ว และปกติแล้วเวลาอ่านนิยายมันจะมีมุมมองบุรุษที่หนึ่งพูดถึงตัวเอง หรือเป็นมุมมองของใคร แต่อันนี้ไม่มีมุมมองของใครเลย เหมือนเป็นของคนเขียน และทุกคนในเรื่องไม่มีชื่อ จะเรียกว่า ภรรยาคุณหมอ คุณหมอ ชายตาบอดคนแรก ภรรยาชายตาบอดคนแรก สาวน้อยสวมแว่นดำ เด็กชายน้อยตาเหล่

บางประโยคจะมีเลขกำกับเมื่ออ่านอ้างอิงด้านหลังก็พบว่าทุกอย่างเกี่ยวกับศาสนาคริสต์หมดเลย และเป็นการเขียนแบบให้ตีความ มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการเมืองมากให้คิดต่อเอาเอง เรารู้สึกทึ่งเมื่ออ่านจบเพราะการคาดการณ์ของนักเขียนเมื่อเกิดโรคระบาดมันช่างตรงกับความจริงหลายๆ อย่าง อยากให้ทุกคนลองอ่านดูมันดีมาก

เพิ่งรู้ว่าเคยทำเป็นหนังเมื่อปี 2008 Blindness โรคระบาดปีศาจสีขาว

ผู้เขียน : José Saramago
ผู้แปล : กอบชลี
สำนักพิมพ์ : Library House
จำนวนหน้า : 356 หน้า

#รีวิวหนังสือ #แนะนำหนังสือ #วรรณกรรมแปล #นิยายแปล #โรคระบาด #QEDรีวิวหนังสือ
เนื้อหา บอด Ensaio sobre a Cegueira
เนื้อหา บอด Ensaio sobre a Cegueira
เนื้อหา บอด Ensaio sobre a Cegueira
Link Copied
- แฟนผมเป็นสาวแกล ฮาชิบะ จุนอิจิ นักเรียน ม.ปลาย อยู่ในกลุ่...
- เม้ามอย My Home Hero เล่ม 9 ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะใ...
- คดีฆาตกรรมวัดปราสาททอง (มรดกโลก) ปกติไม่อ่านคำนำ แต่วันนี...
- หนังสือแกล้มขนม . หนังสือแนวบ่นๆๆ โดยนามปากกาทะเลน้อย เล่า...
- ดวงตาเห็นคำ หลายครั้งที่เราเจอป้ายตลกๆ แปลกๆในที่ต่างๆ คิ...