แท็กซี่คันนี้รับส่งความหวัง
แท็กซี่คันนั้นมักจะมาปรากฎตัวขึ้นอย่างกระทันหัน เชื้อเชิญให้ขึ้นโดยไม่ต้องบอกจุดหมายปลายทาง มิเตอร์เริ่มต้นที่หลายหมื่นเยน สามารถนั่งไปได้เรื่อยๆ จนกว่ามิเตอร์จะลดลงเป็นศูนย์ จุดหมายที่มุ่งไปคือสถานที่ที่จะทำให้ชะตาชีวิตเปลี่ยนแปลงไปได้
โอกาดะ ชูอิจิ ทำงานขายประกันตอนนี้กำลังมีเรื่องเครียดอย่างหนัก จากการที่ลูกค้าหลายคนยกเลิกประกันกลางคัน อาชีพขายประกันในบริษัทที่เขาอยู่เป็นแบบได้เงินก็ต่อเมื่อขายประกันได้เท่านั้น ตัวแทนจะได้ส่วนแบ่งจากค่าเบี้ยประกันเป็นเวลาหนึ่งปี เมื่อครบปีก็ต้องเริ่มหาลูกค้ากันใหม่ แต่พอลูกค้ามายกเลิกแบบนี้อย่าว่าแต่เบี้ยประกันที่จะได้ ที่เคยได้มาแล้วก็อาจจะต้องคืนบริษัททั้งหมด เครียดเรื่องงานยังไม่พอยังมีเรื่องลูกอีก ครูที่โรงเรียนเชิญผู้ปกครองไปหารือเรื่องที่ลูกของเขาไม่มาโรงเรียน ระหว่างที่คิดว่าจะไปโรงเรียนก็มีแท็กซี่มาจอดเทียบ พอเขาขึ้นไปก็ต้องตกใจกับค่ามิเตอร์หลายหมื่นเยน แบบนี้คงจะหลอกลวงกันแน่ ชูอิจิได้แต่คิดว่าทำไมเขาถึงโชคร้ายแบบนี้ มีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นไม่หยุด จึงต่อว่าคนขับแท็กซี่ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
คนขับแท็กซี่คันนี้เป็นคนประหลาด ยิ่งคุยก็ยิ่งพบว่าเขารู้เรื่องของชูอิจิทั้งหมดโดยไม่ได้บอก ทั้งเรื่องประกัน เรื่องภรรยา เรื่องลูก เรื่องทางบ้านของชูอิจิ แถมยังรู้ว่าเขาจะไปไหน เขาบอกว่าถ้าเอาแต่อารมณ์ไม่ดีอยู่แบบนี้ไม่มีทางมีโชคหรอก เป็นการพูดถึงโชคในรูปแบบที่ไม่เคยคิดถึง นั่นคือโชคมาจากการสะสมหากไม่เคยสะสมโชคไว้เลยก็จะไม่มีให้ใช้ เหมือนหว่านเมล็ดพันธุ์ต้องรอระยะเวลาโตกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ ไม่เคยสะสมมาแล้วจะไปมีโชคได้ยังไง เอาแต่อารมณ์เสียโชคก็วิ่งหนีหมด
ฟังแล้วก็พอจะรับได้อยู่ถ้าโชคมาจากการลงมือทำสะสมมาเรื่อยๆ คนปัจจุบันอยู่ดีกินดีเพราะพ่อแม่ต้นตระกูลทำสะสมมาเลยมีเงินใช้ หรือมองในระดับสังคมคนรุ่นก่อนสร้างบ้านเมืองไว้ตอนนี้เราก็เลยมีที่อยู่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกคิดแบบนี้ก็ได้ แต่มันก็มีสิ่งที่รับไม่ได้อยู่ เช่นว่า คนโชคดีถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 นี่เค้าสะสมโชคมายังไงเหรอ อย่าบอกนะว่าสะสมโดยการซื้อล็อตเตอรี่อย่างไม่ย่อท้อ มันมีจริงๆ นะที่โชคดีโดยการสุ่ม ในกรณีนี้คงเป็นคณิตศาสตร์ความน่าจะเป็นมากกว่า สรุปแล้วทำใจยอมรับได้เพียงครึ่งเดียว จะมองโลกในแง่ดีสะสมโชคไปก็ได้คิดว่าสักวันคงได้รับผลตอบแทน แต่ควรจะเผื่อใจไว้หน่อยว่าอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ในแต่ละที่ที่ชูอิจิไปเขาไม่มีทางรู้ว่าที่นั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาได้ยังไง เขาเพียงแต่ปล่อยตัวเองให้ลื่นไหลไปตามสถานการณ์ สังเกตคนรอบข้าง ไม่โกรธโมโหอยู่ตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน อ่านแล้วกลับมาถามตัวเองด้วยว่าเราเคยอยากทำอะไรที่มีความสุขโดยไม่คิดเรื่องปากท้อง โดนยกเลิกประกันไม่มีเงินเดือนแล้วยังไงเหรอ ชีวิตยังไม่จบเสียหน่อย ยังคงมีทางให้เดินหน้าต่อไป ไม่ต้องยึดติดกับอาชีพนี้ก็ได้ พอถอยหลังออกมาดู ปัญหาตรงหน้าอาจจะไม่ใหญ่โตเท่าที่คิด
เป็นนิยายขนาดสั้นที่ทำให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตขึ้นมานิดหน่อย เหมือนเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ผู้เขียน : คิตางาวะ ยาซุชิ
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น (WeLearn)
จำนวน 256 หน้า
#รีวิวหนังสือ #แนะนำหนังสือ #วรรณกรรมแปล #นิยาย #วรรณกรรมญี่ปุ่น #เรื่องแปล #QEDรีวิวหนังสือ
Link Copied