I Called Him Necktie ผมเรียกเขาว่าเน็กไท
หนังสือเล่าในมุมมองของทากุชิ ฮิโระ ชายหนุ่มวัยยี่สิบที่เป็นฮิกิโกะโมริมาสองปี ในวันหนึ่งเขาตัดสินใจที่จะออกไปข้างนอก เมื่อเริ่มแรกที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอก เราจะเห็นว่าเขาหวาดระแวง ตื่นกลัว คลื่นไส้ ไม่คุ้นชินที่จะติดต่อกับใคร และไม่ยอมรับใครให้เข้ามาอยู่ในชีวิตเขา หลังจากนั้นเขามาที่สวนนี้ทุกวัน เหมือนเป็นกิจวัตร นั่งบนม้านั่งตัวเดิม มองดูผู้คนที่ผ่านไปมา จนกระทั่งเขาปรากฏตัวขึ้น
เขา พนักงานบริษัทอายุห้าสิบกว่า ใส่สูทสีเทาเน็กไทสีแดงสลับเทา นั่งลงบนม้านั่งฝั่งตรงข้าม หลังจากวันแรก เขามาที่นี่ทุกวัน ฮิโระรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งผิดปกติ ชายคนนั้นควรจะทำงานอยู่ในตึกสูง แต่เขากลับอยู่ที่นี่ทั้งวัน เมื่อถึงเวลากลางวันก็แกะข้าวกล่องออกมากิน นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ และผล็อยหลับไป เมื่อถึงเวลาหกโมงเย็น เขาก็กลับบ้าน
ในวันนึง เริ่มจากการสบตา หลังจากนั้นทั้งสองคนเริ่มพูดคุยกัน และเล่าว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่
โอฮาระ เท็ทสุ ไม่กล้าบอกภรรยาว่าตกงาน เขาออกจากบ้านเหมือนที่เคยทำมาหลายสิบปี เคียวโกะทำข้าวกล่องให้เขาทุกวัน เขาจึงมาใช้เวลาทุกวันที่นี่ เราอาจจะคิดว่าแค่เรื่องตกงานทำไมไม่ยอมบอก แต่จากการพูดคุยกับฮิโระ จะค่อยๆ เปิดเผยว่ามันมีอะไรมากกว่าเรื่องตกงาน เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ ทั้งสิ่งที่ทำและไม่ได้ทำ มันส่งผลมาถึงตอนนี้
เรื่องจะค่อยๆ เปิดเผยว่าฮิโระไปเจออะไรมา ถึงตัดสินใจตัดขาดจากโลกภายนอก สิ่งที่ฮิโระทำเป็นทั้งเรื่องที่ตั้งใจทำ ทำแบบช่วยไม่ได้ ทำเพื่อปกป้องตัวเอง หรือไม่ทำอะไรเลย เกิดเรื่องขึ้นกับคนที่เขามีสัมพันธ์ด้วย จนไม่กล้ามีสัมพันธ์กับใครอีกต่อไป
ไม่คุ้นชินกับการเล่าเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ สถานการณ์ในเรื่องคือญี่ปุ่น แต่วิธีเล่าไม่ใช่แบบญี่ปุ่น น่าจะเกี่ยวกับนักเขียนเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-ออสเตรเลีย มีการใช้คำที่สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกในทุกประโยค พออ่านจบไปประโยคนึงแล้วต้องหยุดคิดสัก 2-3 วิ มันมีความหมายที่ลึกๆ ไปกว่านั้น จริงๆ เราน่าจะค่อยๆ อ่าน แต่อยากรู้เรื่องเท็ทสุมากเลยรีบอ่านไปหน่อย
ชอบประโยคในคำนำ
'เราไม่ควรโยนทิ้งทั้งชีวิต เพียงเพราะมันบุบสลายเล็กน้อย'
'ชีวิตนั้น บ่อยครั้งไม่สมบูรณ์แบบ' แต่ถึงอย่างนั้นเราก็จะ 'อยู่กันไปได้'
'การเรียนรู้จากโศกนาฏกรรมของคนอื่น โดยที่เป้าหมายอาจไม่ใช่เพื่อแก้ไขหรือแม้แต่ก้าวข้ามรอยด่างในชีวิตตนเอง แต่คือการอยู่ร่วมกับมันให้ได้... อยู่ให้รอด'
ตอนที่อ่านมีทั้งตอนที่เศร้าจนเราคิดว่าการเกิดมามีแต่ความเศร้า ไม่อยากเกิดอีกแล้ว แต่ก็คิด พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เขาก็ต้องผ่านความเศร้าเสียใจมาไม่น้อย ไม่ว่าใครที่เติบโตมาจนมีอายุประมาณนึงก็ต้องเศร้ากันทั้งนั้น เวลาผ่านไปไม่ได้เสียใจน้อยลงหรอก เพียงแต่ต้องใช้ชีวิตต่อไปก็เลยทำเป็นลืม 'ต้องอยู่ให้รอด' เหมือนที่คำนำเขาว่าไว้นั่นแหละ เมื่ออ่านจบแล้วก็รู้สึกเข้าใจชีวิตขึ้นมานิดนึง
* ฮิกิโกะโมริคือคนที่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ออกไปข้างนอก เก็บตัวจากผู้คน อยู่คนเดียว อาจจะออกมาข้างนอกห้องเพื่อทำกิจวัตรประจำวันบ้างตอนที่ไม่มีใครเห็น
ผู้เขียน : Milena Michiko Flasar (มิเลนา มิชิโกะ ฟลาชาร์)
ผู้แปล : สิริยากร พุกกะเวส มาร์ควอร์ท
สำนักพิมพ์ : Merry-Go-Round Publishing แมร์รี่โกราวด์ พับลิชชิ่ง
จำนวน 168 หน้า
#รีวิวหนังสือ #แนะนำหนังสือ #วรรณกรรม #วรรณกรรมแปล #วรรณกรรมญี่ปุ่น #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #นวนิยายญี่ปุ่น #นวนิยายสะท้อนชีวิต #วรรณกรรมทั่วไป #QEDรีวิวหนังสือ
Link Copied